a
Follow us on Facebook
Advertisement
Copyright Marvel Thailand Fan
Homeartistทำไม Marvelถึงล้มละลายในยุค90

ทำไม Marvelถึงล้มละลายในยุค90

ทำไม Marvelถึงล้มละลายในยุค90

ช่วง80-90เป็นช่วงที่วงการคอมิครุ่งมากๆ ด้านการค้า ด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้นเรื่อยจากกระแส Collectors (ผู้ที่ซื้อคอมิคไปสะสมและเก็งราคาขาย) และนักเขียนที่โตขึ้นมากับคอมิคเริ่มได้เข้าร่วมวงการและสร้างคอมิคที่มีเนื้อเรื่องน่าสนใจ และเป็นผู้ใหญ่ขึ้น

ในขณะเดียวกันนั้น Ron Perelmanนักธุรกิจ
ได้ซื้อMarvelมาด้วยเงินที่82.5ล้านเหรียญ และในปี1991เขาได้นำบริษัทเข้าตลาดหุ้น และด้วยกำไรที่ได้มาจากการขายหุ้นให้สาธารณะ เขาก็นำกำไรไปไล่กวาดซื้อบริษัทอื่นๆอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น Fleerผู้ผลิตการ์ดสะสม(กีฬา หนัง และ คอมิค) และ Toybizผู้ผลิตของเล่น

และเขายังไม่หยุดด้วยการซื้อบริษัท Panini ที่ทำสติ้กเกอร์สะสม(คนแก่ๆจะรู้จัก) และ Skybox อีกบริษัทที่ผลิตการ์ด

และนอกจากนั้น Marvelยังเลิกใช้บริการจัดส่งของ Diamonds Distributor, และซื้อ Heroes World Distributionมาเพื่ออาศัยโครงสร้างมาจัดส่งสินค้าของตัวเอง

คอมิคที่ได้ราคานั้นจะเป็นการปรากฏตัวครั้งแรกของตัวละครที่มาดังในภายหลัง หรือเล่มที่มีปกพิเศษ ซึ่งทั้ง MarvelและDC ก็ได้ทำคอมิคที่ทำมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นปกพิเศษ โฮโลแกรม ปกนูน หรือแม้กระทั่งEventที่ทำให้เกิดตัวละครใหม่ๆขึ้น กระแสนี้ทำให้บริษัทคอมิคต่างๆ สร้างลูกเล่นมาเพื่อเอาใจนักสะสมเหล่านี้แต่การทำอย่างนี้เป็นดาบสองคม

ร้านค้านั้นขายคอมิคที่ขึ้นราคา(ตามปกพิเศษ)บ้างและไม่บ้าง แต่คอมิคนั้นไม่สามารถส่งคืนได้ทำให้ร้านคอมิคหลายๆร้านได้สั่งจำนวนเพิ่มขึ้นเพื่อที่ให้ได้ปกพิเศษ และบางร้านต้องปิดตัวไปเมื่อทุนได้จมอยู่กับจำนวนหนังสือที่ขายไม่ออก
ด้วยหนังสือเหล่านี้บางทีมีแต่ลูกเล่นแต่ทั้งเรื่องและรูปภายในไม่ได้มีคุณค่าทำให้ราคาขึ้นตาม ยังไม่รวมทั้งการทำเรื่อง “การตาย”ของเหล่าฮีโร่เพื่อกระตุ้นให้คนรีบซื้อ ก่อนที่จะพาตัวละครเหล่านั้นกลับมาในเวลาสั้นๆ
และจำนวนหนังสือหัวใหม่ๆ(ที่มาขายเล่ม1)ที่ล้นตลาด

ยกตัวอย่างเช่น X-men #1 ที่เป็นคอมิคที่ขายดีที่สุดในประวัติศาตร์นั้น ช่วงที่ออกมาแรกๆ นักสะสมจะซื้อไปตุนกันไว้หลายสิบเล่ม โดยหวังว่าราคามันจะขึ้นในภายหลัง (ซึ่งราคาแรกๆนั้นพุ่งขึ้นไปจน20-30เท่า) แต่ภายหลังเนื่องจากจำนวนพิมพ์ที่มาก (ต่างจากหนังสือจากยุด Golden Age และ Bronze age ที่หายากจริงๆด้วยจำนวนพิมพ์ที่น้อย และอายุที่มากกว่า) ทำให้ราคาได้ตกลงอย่างมาก หรือ Bloodlines ที่ DCสร้างตัวละครขึ้นมาเป็นสิบโดยหวังว่าจะมีตัวละครเกิดดังขึ้นมา (แต่มีเพียงสองสามตัวเท่านั้นที่ได้รับความนิยม) จนหลายๆเล่มตอนนี้ราคาถูกกว่าราคาปก

ฝันอยากรวยของนักสะสมทั้งหลายได้ล่มลงอย่างรวดเร็วและได้ลากตลาดคอมิคใหม่ให้ตกลงไปด้วย ผู้ผลิตทั้ง DC และ Marvelนั้นปรับตัวไม่ทันต่อกระแสและจำนวนคอมิคมากมายที่พวกเขาผลิตออกมากลับกลายเป็นภาระ หลังจากพวกมันขายไม่ออก (Marvelใน1993นั้นมีหนังสือกว่า100หัว)

ทางธรุกิจอื่นๆที่ Marvelซื้อมาก็ประสบปัญหา Fleer ละ Skybox เจอการสไตร์คขอกีฬาต่างๆ ทำให้รายได้หายไประยะนึง และ Panini ที่ทำสติ้กเกอร์ของดิสนีย์ก็ไม่ได้กำไรเพราหนังดิสนีย์ข่วงนั้นไม่เป็นที่นิยม

Marvelที่ขยายใหญ่ไป
เร็วไป ได้ขาดรายได้ และทำให้บริษัทต้องขายหุ้นใน Toybiz อออกตลาดไป และนั้นก็ยังไม่พอจน Marvel ต้องประกาศล้มละลายแบบ11 (Chapter11 bankruptcy) และมีการขึ้นศาลระหว่างผู้ถือหุ้นใหญ่เพื่อแย่งชิงสิทธิ์ในการควบคุมทรัพย์สิน(เพื่อขาย) ในปี1996

ในที่สุดหลังจากศาลตัดสินในปี Marvelก็ต้องขายบริษัทต่างๆออกไปและได้ไล่พนักงานออกจำนวนมาก รวมถึงลิขสิทธิ์การทำหนังของตัวละครให้กับค่ายหนังต่างๆ ( Iron Fist, Captain America, Thor, and Black Panther ก็ถูกขายไปแต่ไม่ได้ทำหนังจนกลับมาอยู่มาร์เวลใหม่ และIronman นั้นถูกขายไปUniversalและFoxก่อนจะกลับมา)
ก่อนที่ Toybizเองกลับมาร่วมซื้อหุ้นในมาร์เวลในปี1998 และดึงมาร์เวลออกจากสถาณะล้มละลายในที่สุด
และจากการที่ตกไปอยู่ในที่ๆต่ำสุดมาแล้ว(รวมทั้งตัวละครที่ค่ายหนังอื่นนำไปทำประสบความสำเร็จ) ทำให้Marvelกล้าลองทำอะไรเสี่ยงๆอีกครั้ง

Share With:
Rate This Article
Author

krittiphon.t@liquiditydigital.com